กฎจราจรที่ควรรู้
รู้กฎจราจร ก่อนถูกจับปรับ
แม้สถิติอุบัติเหตุบนท้องถนนทั่วประเทศในช่วง 7 วันอันตรายระหว่าง 29 ธ.ค.53 - 4 ม.ค.54 ซึ่งเป็นช่วงวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่คุณผู้อ่านครับ จำนวนผู้เสียชีวิตก็ยังสูงถึง 358 คน โดยสาเหตุสำคัญของอุบัติเหตุก็มาจากการไม่สวมหมวกนิรภัย เมาสุรา และขับรถเร็วกว่ากำหนด ฯลฯ ซึ่งในช่วงดังกล่าวทั้งกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานอื่น ๆ ต่างพยายามร่วมมือร่วมใจเฝ้าระวัง และรณรงค์ให้ระมัดระวังอย่างเต็มกำลังความสามารถแต่สถิติอุบัติเหตุบนท้องถนนก็ยังคงปรากฏอย่างต่อเนื่อง
เมื่อสถิติอุบัติเหตุยังคงสูงอยู่เช่นนี้ ส่งผลให้ท่าน รมว.มท.ย้ำจะเสนอแนวทางเพื่อรณรงค์ให้คนไทยเคารพกฎจราจรอย่างต่อเนื่อง รวมถึงจะบังคับใช้กฎหมายจราจรให้เข้มข้นขึ้น โดยเฉพาะคนที่มาว (เมา) แล้วขับ ทราบข่าวแบบนี้ผมจึงขออนุญาตทำความเข้าใจกับคุณผู้อ่านในข้อกฎหมายจราจรก่อนที่คุณผู้อ่านของผมต้องถูกจับปรับ หรืออาจถูกยึดใบขับขี่ให้หงุดหงิดหัวใจและไม่สะดวกสบายในการสัญจรไปมาบนท้องถนนครับ
ผิดกฎจราจร…ถูกบันทึกคะแนนความผิด นอกจากการบันทึกคะแนนความผิดโดยฝ่ายปกครองในสมัยที่คุณผู้อ่านเป็นเด็กนักเรียนแล้ว ปัจจุบันเมื่อคุณใช้รถใช้ถนนแล้วคุณทำผิดกฎหมายจราจรเข้านอกจากจะถูกจับปรับ ยึดใบอนุญาตขับขี่ (สูงสุดไม่เกิน 60 วัน) หรือหากหนักหนาสาหัสก็อาจถูกพักใบขับขี่ (สูงสุดไม่เกิน 90 วัน) คุณยังต้องถูกบันทึกคะแนนและการทำผิดไว้ข้างหลังใบขับขี่หรือคอมพิวเตอร์ในระบบ POLIS ของสำนักงาน ตำรวจแห่งชาติ โดยมีการแบ่งความผิดเป็น 19 ฐานความผิด และมีการหักคะแนนเป็น 4 ระดับตั้งแต่ 10-40 คะแนน ไล่ตามอัตราความรุนแรงในการทำความผิดบนท้องถนนดังนี้ครับ
- 10 คะแนน เมื่อคุณ ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย / ขับรถบนทางเท้าโดยไม่มีเหตุอันควร / ไม่สวมหมวกกันน็อค / ขับรถช้าไม่ชิดขอบทางด้านซ้าย (คุณผู้หญิงที่เพิ่งหัดขับต้องระมัดระวังในข้อนี้นะครับ)
- 20 คะแนน เมื่อคุณ แซงรถด้านซ้าย / แซงในที่คับขัน / จอดรถในทางเดินรถหรือไหล่ทางโดยไม่เปิดไฟในเวลาที่แสงสว่างไม่เพียงพอ / แท็กซี่ปฏิเสธไม่รับผู้โดยสาร / แท็กซี่ทิ้งผู้โดยสารระหว่างทาง
- 30 คะแนน เมื่อคุณ ขับรถขณะหย่อนความสามารถในอันที่จะขับ (ง่วงนอน ,หลับใน) / ขับรถประมาทหรือน่าหวาดเสียว / ขับรถในลักษณะที่ผิดปกติวิสัยของการขับรถตามธรรมดา / ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย หรือความเดือดร้อนของผู้อื่น / ขับรถด้วยอัตราความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
- 40 คะแนน เมื่อคุณ ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง / เมาแล้วขับ / ชนแล้วหนี / ไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือตามสมควรแก่ผู้ที่ประสบเหตุจราจร / แข่งรถในทางรถวิ่ง
ผลของการทำผิดในบัญญัติ 19 ประการ เมื่อคุณทำผิดกฎจราจรใดก็ตามใน 19 ฐานความผิดข้างต้น นอกจากคุณจะต้องเสียค่าปรับแล้ว เจ้าพนักงานยังมีสิทธิยึดใบอนุญาตขับขี่ ซึ่งมีกำหนดครั้งละไม่เกิน 60 วัน เพื่อดำเนินการตามมาตรการการบันทึกคะแนน และหากภายใน 1 ปี คุณทำความผิดเดิมซ้ำตั้งแต่ 2 ครั้งขึ้นไป แบบนี้ตำรวจเห็นว่าสงสัยคุณยังขาดความรู้ความเข้าใจในการใช้รถใช้ถนน ดังนั้น คุณจำเป็นต้องเข้ารับการอบรม 3 ช.ม. ซึ่งเกี่ยวกับกฎหมายจราจร สาเหตุและการป้องกันอุบัติเหตุจากการจราจร ความผิดทางแพ่งและอาญาของผู้ขับขี่ และมารยาท คุณธรรมและความมีน้ำใจในการขับขี่รถ เมื่ออบรมสำเร็จเสร็จสิ้นแล้วผู้กระทำผิดกฎหมายจราจรต้องทดสอบความรู้ ความเข้าใจตามแบบทดสอบให้ผ่านเกณฑ์คะแนนมากกว่าร้อยละ 50 แต่ถ้ายังไม่ผ่านเกณฑ์ถือว่าสอบตกครับ ต้องอบรมและสอบใหม่จนผ่านนะครับ ไม่ว่าจะกี่รอบก็ตาม
คะแนนถึง 60 ถูกพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ เมื่อถึงคราวที่คะแนนในการกระทำความผิดตามกฎจรจาจรของคุณถูกรวมรวมแล้วทะลุเป้ารวมกันเกิน 60 คะแนน เมื่อนั้นคุณจะถูกพักใช้ใบอนุญาตขับขี่เลยนะครับ นั่นหมายความว่าคุณจะถูกจำกัดสิทธิ์ในการขับรถหรือแปลว่าห้ามขับรถตามระยะเวลาที่ถูกพักใช้ใบอนุญาต ซึ่งสุดสุดครั้งละไม่กิน 90 วัน หรือ 3 เดือนครับ แต่ถ้าคุณยังฝ่าฝืนไปขับรถอีกละก็คุณมีความผิดฐานขับรถระหว่างถูกพักใช้ใบอนุญาตอีกกระทงเลยนะครับ นอกจากนี้หากคุณไปหยิบยืมรถผู้อื่นมาขับ เจ้าของรถคันนั้นก็จะพลอยโชคร้ายไปกับคุณด้วย โดยเขาจะถูกปรับ 2,000.-บาท โทษฐานยินยอมให้ผู้ซึ่งไม่มีใบอนุญาตขับรถ เข้าขับรถของตนครับ…ถ้าอยู่ในช่วงพักใช้ใบอนุญาตก็นั่งรถโดยสารสาธารณะ หรือให้คนที่บ้านขับรถให้นั่งไปก่อนดีกว่าครับ
กฎเหล็ก ของการขับแท็กซี่ หลายๆท่านคง
จะเคยสงสัยว่ากฎจราจรของรถยนต์ส่วนบุคคลกับรถโดยสารสาธารณะ โดยเฉพาะกฎของการขับขี่รถแท็กซี่นั้นเหมือนกันไหม ? เพราะที่ผ่านมาโดยส่วนใหญ่ เวลาที่พี่แกขับรถตามท้องถนน พี่แกไม่ค่อยสนใจรถยนต์คันอื่น ๆของชาวบ้านชาวเมืองเขาเลย…ผมขอตอบให้ท่านจำไว้เลยนะครับว่า กฎหมายสำหรับผู้ขับขี่รถแท็กซี่นั้นมีรายละเอียดเพิ่มเติมอื่น ๆ ดังนี้ครับ
ในขณะขับรถห้ามมิให้ผู้ขับขี่แท็กซี่สูบบุหรี่ เปิดวิทยุ หรือกระทำด้วยประการใด ๆ ที่ก่อให้เกิดความรำคาญแก่คนโดยสาร ห้ามจับพวงมาลัยด้วยมือเพียงข้างเดียว ห้ามใช้เสียงสัญญาณแตรเพื่อเร่งรถคันอื่น ห้ามแซงหรือตัดหน้ารถอื่นในลักษณะฉวัดเฉวียนเป็นที่น่าหวาดเสียวว่าจะเกิดอันตราย ห้ามขับรถเข้าไปในบริเวณบ้านของผู้อื่น ห้ามรับคนโดยสารในบริเวณที่มีเครื่องหมายห้ามรับ ห้ามทิ้งผู้โดยสารระหว่างทาง ห้ามกล่าววาจาไม่สุภาพต่อคนโดยสาร ซึ่งหากคุณผู้อ่านพบเห็นผู้ขับขี่แท็กซี่คันไหนกระทำความผิดข้างต้นแจ้งไปที่กรมการขนส่งทางบก (โทร 1584) หรือ ตำรวจจราจรที่อยู่ใกล้ ๆบริเวณเกิดเหตุก็ได้ครับ รับรองมีบทลงโทษแน่นอนครับ
การทดสอบ...มาว (เมา) แล้วขับ สาเหตุประการสำคัญที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนบ่อยครั้งคือ การเมาแล้วขับนี่แหละครับ ซึ่งคุณผู้อ่านที่นิยมดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ควรต้องระมัดระวังในการดื่มนะครับ โดยเฉพาะการดื่มก่อนขับรถยนต์เพราะปัจจุบันคุณตำรวจเขาเอาจริงเอาจังในการตรวจจับปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายของผู้ขับขี่รถยนต์นะครับ จะเห็นได้ว่าระยะหลัง ๆ แม้แต่ดารามีชื่อเสียงก็ต้องรับโทษจากการ “เมาแล้วขับ” หลายต่อหลายคนเลยครับ
โดยทั่วไปวิธีการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในร่างกายของผู้ขับขี่รถยนต์นั้น คุณผู้อ่านก็อาจจะสังเกตได้จากการตั้งด่านตรวจของคุณตำรวจ โดยเขาจะเริ่มใช้วิธีการให้คุณเป่าลมหายใจ (Breath analyzer test) ก่อน แต่ถ้าหากไม่สามารถใช้วิธีทดสอบแบบเป่าลมหายใจแล้วล่ะก็ เขาจะใช้วิธีการตรวจสอบจากปัสสาวะและจากเลือดครับ โดยการตรวจจากเลือดนั้นเขาต้องส่งคุณไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดและทำการเจาะเลือด ภายใต้การกำกับดูแลของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
หากระดับแอลกอฮอล์จากการตรวจสอบสูงกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ คุณจะถูกลงโทษจำคุก 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000 - 10,000.-บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือบำเพ็ญประโยชน์ต่อสาธารณะ ซึ่งแล้วแต่กรณีครับ นอกจากนี้หากคุณฝ่าฝืนไม่ยอมให้คุณตำรวจเขาทำการตรวจสอบระดับแอลกอฮอล์ในร่างกายคุณนั้นนะครับ คุณตำรวจจะสามารถกักตัวคุณไว้เพื่อดำเนินการตรวจสอบได้ในระยะเวลาเท่าที่จำเป็นแห่งกรณี หรือหากสภาพร่างกายคุณ เสียงพูด ท่าทาง สติสัมปชัญญะของคุณอาจจะฟ้องว่าคุณเมาแล้วขับ จนคุณตำรวจไม่จำเป็นต้องตรวจสอบ แบบนี้ก็ต้องถูกกักตัวจนสร่างเมาแล้วก็รับโทษไปเต็ม ๆ เช่นกันครับ
บทลงโทษ หากไม่คาดเข็มขัดนิรภัยหากคุณผู้อ่านเป็นคนขี้รำคาญในการคาดเข็มขัดนิรภัย แล้วคุณก็ขับรถด้วยความเร็วสูงจนเกิดอุบัติเหตุ คุณเอ้ย…ภาพที่พบเห็นตามท้องถนนหรือทางหน้า หนังสือพิมพ์ก็คือตัวคนขับจะพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงพอ ๆ กับการตกลงมาจากที่สูง ร่างกายช่วงบนกระแทกกับพวงมาลัยรถ ศีรษะจะกระแทกกระจก ในขณะที่ขาส่วนบนจะยันกับหน้าปัทม์รถ เมื่อเป็นเช่นนี้บ่อยเข้า ภาครัฐเขาจึงเห็นความสำคัญของการออกกฎหมายบังคับใช้เข็มขัดนิรภัย
หากเจ้าของรถยนต์เก๋งที่จดทะเบียนตั้งแต่ 1 ม.ค.31 ไม่จัดให้มีเข็มขัดนิรภัย จะถูกปรับ 1,000.-บาท ครับ และถึงมีไว้ก็ให้เป็นแค่เครื่องประดับชิ้นหนึ่งในรถยนต์โดยที่คุณขับขี่รถไปแบบไม่คาดเข็มขัดนิรภัยเสียอย่างนั้น หรือคาดไม่ถูกวิธีในขณะขับรถ มีโทษปรับ 500.-บาท แม้แต่กรณีที่เพื่อนของคุณ สามีหรือภรรยาของคุณซึ่งนั่งตอนหน้าแถวเดียวกับคุณ เขาไม่ยอมคาดเข็มขัดนิรภัยหรือคาดไม่ถูกวิธีขณะโดยสาร เขาก็จะถูกปรับ 500.-บาท ด้วยนะครับ…ไหน ๆ ประโยชน์ของเข็มขัดนิรภัยก็มีมากมาย อย่ารำคาญเลยครับ คาดไว้ก่อนถูกปรับดีกว่านะครับ
หากคุณผู้อ่านให้ความร่วมมือด้วยการปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด นอกจากจะไม่ถูกคุณจราจรเรียกจับปรับ บันทึกความผิดแล้ว คุณยังเป็นคนที่น่ายกย่อง เนื่องจากคำนึงถึงความปลอดภัยของคนอื่น ๆบนท้องถนนด้วย